วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551

อาหารเจเพื่อสุขภาพ


ผัดเห็ดฟางนางฟ้าหูหนูรวมมิตร


ส่วนประกอบ
1.เห็ดหูหนู------5 ดอก
2.
เห็ดนางฟ้า----10 ดอก
3.
ต้นกระชายอ่อน---5 ต้น
4.
แครอท----1/2 หัว
5.
ข้าวโพดอ่อน----4 ฝัก
6.
ถั่วแปบ------10 ฝัก
7.น้ำตาล-------1 ช้อนโต๊ะ
8.
พริกชี้ฟ้า--------4 เม็ด
9.ซอสเห็ดหอม------2 ช้อนโต๊ะ
10.ซอส ทาคูมิอายิ----1 ช้อนโต๊ะ
11.นำมันพืช--------1 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง
1.ตั้งกระทะเติมน้ำประมาณ 100 ซีซี แล้ว หยอดน้ำมันพืชลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
2.แครอท เห็ด กระชาย ข้าวโพด ถั่วแปบ คนให้เข้ากัน
3.พอน้ำเริ่มเดือด ส่วนประกอบเริ่มยุบตัว แล้วคนพลิกกลับ ด้าน เพื่อให้ด้านบนสุก
4.เติม ซอสเห็ดหอม ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
5.เติมเกลือ ประมาณ 0.5 ช้อน โต๊ะ
6.เติม ซอส ทาคูมิอายิ 1 ช้อนโต๊ะ
7.เติมน้ำตาล ลองชิมดูแล้ว พอสุกแล้วยกลง ตักใส่จาน

อาหารเจเพื่อสุขภาพ


อาหารเจเพื่อสุขภาพ
ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลกินเจ จึงได้หาข้อมูลเกี่ยว การกินเจเพื่อคุณๆ ทั้งหลาย คำว่า "เจ" หรือ "แจ" ในภาษาจีนมีความหมายในทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานว่า อุโบสถ และแปลได้ อีกอย่างหนึ่งว่า ไม่มีคาว ซึ่งความหมายที่แท้จริงของคำว่า "กินเจ" คือ การรับประทาน อาหารก่อนเที่ยงวัน หรือที่ชาวพุทธในไทยถือ "อุโบสถศีล" หรือคือ "การรักษาศีล 8 " โดยหลัง จากเที่ยงวันแล้วจะไม่รับประทาน อาหารอีก
แต่เนื่องจากการถืออุโบสถศีลของชาวพุทธฝ่ายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์ จึงนิยม"การไม่กิน เนื้อสัตว์" ไปรวม กับคำว่า "กินเจ" ซึ่งเป็นการถือศีลไปด้วยทุกวันนี้ถึงแม้จะรับประทานอาหาร ทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ ยังคงเรียกว่า "กินเจ" ฉะนั้นความหมายก็คือ "คนที่กินเจ" ไม่ใช่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่คนกินเจยังต้อง ดำรงตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์สะอาดงดงามทั้งกาย วาจา และใจ และเป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรมไปด้วยพร้อมกันจึงเรียกว่า "กินเจที่แท้จริง"
วันเวลาของการกินเจ
เราสามารถแบ่งการกินเจได้ 2 แบบ คือ
1. การกินเป็นกิจวัตร คือ การละเว้นการกินเนื้อสัตว์ทั้ง 3 มื้อ เป็นประจำทุกวัน
2. การกินเฉพาะช่วงประเพณีกินเจ คือ การกินเจในช่วงวันขึ้น ๑ ค่ำถึง ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตามปฏิทินจีน ซึ่งวันเวลา ของการกินเจทั้ง 9 วันนั้น จะมีชื่อเรียกดังนี้คือ ชิวอิก ชิวยี่ ชิวซา ชิวสี่ ชิวโหงว ชิวลัก ชิวฉิก ชิวโป๊ย และชิวเก้าด้วย
โดยที่เจอิ๊วหรือผู้ร่วมพิธีกินเจจะมีการทำบุญในระหว่าง 9 วันที่เรียกว่า "เจคี้" หรือ "ซาลักเก้า" ซึ่งประกอบด้วย วันชิวซา ชิวลัก และชิวเก้าด้วย โดยการนำโหงวก้วยหรือซาก้วย ผลไม้ 5 หรือ 3 อย่างมาไหว้ ซึ่งมักนิยมใช้ผลไม้ ที่มีความหมายเป็นมงคล เช่น ส้ม ซึ่งในภาษีจีนเรียกว่า ไต้กิก แปลว่า โชคดี องุ่น หรือ พู่ท้อ หมายถึง งอกงาม สับปะรด หรืออั้งไล้ แปลว่า มีโชค และกล้วย ที่หมายถึง การมีลูกหลานสืบสกุล

ขนมหวาน

บะหมี่หวาน

ส่วนผสม :
บะหมี่ 1 ก้อน
เม็ดบัว 11 เม็ด
พุทราจีน 3 ลูก
แปะก๊วย 6 เม็ด
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 ถ้วย

วิธีการทำ :
1. ลวกบะหมี่ในน้ำเดือดจนสุก ตักใส่ชาม พักไว้
2. เม็ดบัวแช่น้ำประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วนำมานึ่งประมาณ 20 นาที
3. แปะก๊วยกะเทาะเปลือกออก นำไปต้มรวมกับพุทราจีน ประมาณ 20 นาที
4. ผสมน้ำตาลกับน้ำเข้าด้วยกัน ตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย ใส่ เม็ดบัว พุทราจีน แปะก๊วย ต้มในน้ำเชื่อมประมาณ 10 นาที ตักใส่ชามบะหมี่ เสิร์ฟ

น้ำสมุนไพร



ส่วนผสม :
ข่าแก่ตากแห้ง 20 กรัม (5 เก่น) น้ำร้อน 200 กรัม (1 ด้วยแก้ว)

วิธีการทำ :
1. เอาข่าแก่ที่ตากแห้งแล้วใส่ลงไปในถ้วยกาแฟ 4-5 แว่น 2. เอาน้ำร้อนเดือดใส่ลงไปค่อนถ้วย ปิดฝาถ้วย ทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง แล้ว ค่อยดื่ม ควรดื่ม 2-3 ถ้วย ต่อวัน ก็ทำให้สบายท้องขึ้น หรือจะใช้ ข่าสดก็ได้ 10-12 แว่น นำมาทุบให้แตก ต้มเอาน้ำดื่มก็ได้ ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ คุณค่าทางยาช่วยขับลมได้ยางดี เป็นการระบายลมออกมา จากลำไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว

เทศกาลกินเจ


ตำนานการกินเจ


มาถือศิล กินผัก ในเทศกาลกินเจกันเถอะ
การกินเจ มีมาตั้งแต่บรรพกาล ซึ่งชาวจีนถือปฎิบัติเป็นประเพณีสืบต่อกันมาช้านาน เทศกาลกินเจจะเริ่มตั้งแต่ ๑ ค่ำ ถึง ๙ ค่ำ เดือน ๙ นับตามปฏิทินจีน ซึ่งจะตรงกับเดือนตุลาคมของไทยเรา ตามตำนานเล่าว่า เมื่อเล่าจื๊อ ศาสดาแห่งลัทธิเต๋าเกิดขึ้นได้ถือพรตของลัทธิเต๋าแต่นั้นมา เมื่อก่อนนั้น การกินเจไม่มีการกำหนดว่าจะกินกันเมื่อไร แต่ถือเอาความสะดวกของผู้กิน จะกินวันไหน เดือนไหนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนนิยมกินเจในช่วงไว้ทุกข์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการปฎิบัติตนในทางที่ดีงาม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย ต่อมาเมื่อเกิดกบฏไท้เผ้ง ซึ่งชาวจีนได้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านและหวังกอบกู้แผ่นดินจากพวกแมนจู ผู้ก่อการกบฏ ถูกจับประหารชีวิต ยังความโศกเศร้า เสียใจให้กับชาวจีนจึงร่วมกันปฎิบัติธรรม โดยกินเจและถือศิล เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ถูกประหารชีวิต การกินเจจึงถูกกำหนดให้เป็นเทศกาลตั้งแต่นั้นมา เมื่อถึงเทศกาลกินเจ ชาวจีนจะนุ่งขาวห่มขาว เพื่อแสดงถึงการตัดกิเลสจากโลกภายนอก ถือศิล กินเจ โดยปฏิบัติดังนี้ 1. งดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ อันเป็นเหตุให้ไม่ต้องแสวงหาเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อชีวิตสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ในทุกกรณีรวมทั้งน้ำนมและน้ำมัน ที่มาจากสัตว์อีกด้วย 2. รักษาศีลห้าและรักษาพรหมจรรย์ 3. ทำบุญทำทาน 4. รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ 5. แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายสีขาว 6. งดเว้นผักที่ให้กลิ่นแรงต่างๆ เช่น ผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม กุยช่าย เพราะถือว่าเป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์ เมื่อการกินเจกำหนดเป็นเทศกาลขึ้น และมีกำหนดถึง ๙ วัน ทำให้เทศกาลกินเจขยายใหญ่ขึ้นทุกที จนกลายเป็นงานที่ใหญ่และสำคัญอีกอย่างหนึ่งของชาวจีน งานการกุศลต่างๆ จึงมารวมกันในเทศกาลนี้ เช่น การทิ้งกระจาด การลอยกระทง สิ่งเหล่านี้ถูกนำเข้ามาทีหลังเพื่อเสริมให้เทศกาลกินเจดูยิ่งใหญ่ขึ้น